
บทสวดมนต์ทำวัตรเช้าแปล
คำบูชาพระรัตนตรัย - อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง. - พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ.
ข้าพระเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน.
(กราบลงครั้งที่ ๑) - สะวากขาโต ภะคะวา ธัมโม,
พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว. - ธัมมัง นะมัสสามิ.
ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม.
(กราบลงครั้งที่ ๒) - สุปะฏิปันโน ภะคะวา สาวะกะสังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว. - สังฆัง นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์.
(กราบลงครั้งที่ ๓)
ปุพพะภาคะนะมะการ
(หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส)- นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
ขอน้อมนอบแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น, - อะระหะโต
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส, - สัมมาสัมพุทธัสสะ.
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง.
พุทธาภิถุติ
(นำ) หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส- โย โส ตะถาคะโต
พระตถาคตเจ้านั้น พระองค์ใด, - อะระหัง
เป็นผู้ไกลจากกิเลส, - สัมมาสัมพุทโธ
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง, - วิชชาจะระณะสัมปันโน
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ, - สุคะโต
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี, - โลกะวิทู
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง, - อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า, - สัตถา เทวะมะนุสสานัง
เป็นครูผู้สอน ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย, - พุทโธ
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม, - ภะคะวา
เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์, - โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรัหมะกัง, สัสสะมะณะพราหมะณิงปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว, ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม, และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์, พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม, - โย ธัมมัง เทเสสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ว, - อาทิกัลยาณัง,
ไพเราะในเบื้องต้น, - มัชเฌกัลยาณัง,
ไพเราะในท่ามกลาง, - ปะริโยสานะกัลยาณัง,
ไพเราะในที่สุด, - สาตถัง สะพะยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยังปะกาเสสิ,
ทรงประกาศพรหมจรรย์, คือแบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง, พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ, - ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยำมิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น, - ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า.
ธัมมาภิถุติง
(นำ) หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส- โย โส ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรมนั้นใด, เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ได้ตรัสไว้ดีแล้ว - สันทิฏฐิโก,
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง, - อะกาลิโก,
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้, ไม่จำกัดกาล, - เอหิปัสสิโก,
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า, ท่านจงมาดูเถิด, - โอปะนะยิโก,
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว, - ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ,
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน, - ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง, เฉพาะพระธรรมนั้น, - ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระธรรมนั้น, ด้วยเศียรเกล้า
สังฆาภิถุติง
(นำ) หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส.- โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นหมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว, - อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว, - ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว, - สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว - ยะทิทัง,
ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ, - จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา,
คู่แห่งบุรุษสี่คู่, นับเรียงบุรุษได้แปดบุรุษ, - เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นั่นแหละสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, - อาหุเนยโย,
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา, - ปาหุเนยโย,
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ, - ทักขิเณยโย,
เป็นผู้ควรรับซึ่งทักษิณาทาน, - อัญชะลิกะระณีโย,
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี, - อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ,
เป็นเนื้อนาบุญของโลก,ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า - ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง, เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น, - ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้น, ด้วยเศียรเกล้า
ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา
(หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะสังเวคะปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เส.)- พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว,
พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ, - โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน,
พระองค์ใด มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด, - โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก,
เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก, - วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ, - ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน,
พระธรรมของพระศาสดา สว่างรุ่งเรืองเปรียบดวงประทีป, - โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก,
จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน, ส่วนใด, - โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน,
ซึ่งเป็นตัวโลกุตตระ, และส่วนใดที่ชีแนวแห่งโลกุตตระนั้น, - วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ, - สังโฆ สุเขตตาภ ยะติเขตตะสัญญิโต,
พระสงฆ์เป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย, - โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก,
เป็นผู้เห็นพระนิพพาน, ตรัสรู้ตามพระสุคต, หมู่ใด, - โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส,
เป็นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล เป็นพระอริยเจ้า มีปัญญาดี, - วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั่น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ, - อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง, วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง, ปุญญัง
มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา, มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา.
บุญใด ที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งวัตถุสาม, คือพระรัตนตรัย อันควรบูชายิ่ง โดยส่วนเดียว, ได้กระท้าแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้นี้ , ขออุปัทวะทั้งหลาย, จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าเลย, ด้วยอำนาจความสำเร็จอันเกิดจากบุญนั้น.
สังเวคปริกิตตนปาฐะ - อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน
พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ - อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง - ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก
และพระธรรมที่ทรงแสดง เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์ - อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก
เป็นเครื่องสงบกิเลส เป็นไปเพื่อปรินิพพาน - สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต
เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ - มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง ชานามะ
พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า - ชาติปิ ทุกขา
แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์ - ชะราปิ ทุกขา
แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ - มะระณัมปิ ทุกขัง
แม้ความตายก็เป็นทุกข์ - โสกะปะริเทวะทุกขะ โทมะนัส สุปายาสาปิ ทุกขา
แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ - อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข
ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ - ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
ความพลัดพรากจากสิ่ง เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ - ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง
มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์ - สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา
ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ - เสยยะถีทัง
ได้แก่ สิ่งเหล่านี้ คือ - รูปูปาทานักขันโธ
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ รูป - เวทะนู ปาทานักขันโธ
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ เวทนา - สัญญู ปาทานักขันโธ
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สัญญา - สังขารู ปาทานักขันโธ
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สังขาร - วิญญาณู ปาทานักขันโธ
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ วิญญาณ - เยสัง ปะริญญายะ
เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้ อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง - ธะระมาโน โส ภะคะวา
จึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ - เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ
ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย เช่นนี้เป็นส่วนมาก - เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ
อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย, ส่วนมาก มีส่วนคือการจำแนก อย่างนี้ว่า - รูปัง อะนิจจัง
รูปไม่เที่ยง - เวทะนา อะนิจจา
เวทนาไม่เที่ยง - สัญญา อะนิจจา
สัญญาไม่เที่ยง - สังขารา อะนิจจา
สังขารไม่เที่ยง - วิญญาณัง อะนิจจัง
วิญญาณไม่เที่ยง - รูปัง อะนัตตา
รูปไม่ใช่ตัวตน - เวทะนา อะนัตตา
เวทนาไม่ใช่ตัวตน - สัญญา อะนัตตา
สัญญาไม่ใช่ตัวตน - สังขารา อะนัตตา
สังขารไม่ใช่ตัวตน - วิญญาณัง อะนัตตา
วิญญาณไม่ใช่ตัวตน - สัพเพ สังขารา อะนิจจา
สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง - สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน ดังนี้ - เต (ตา) มะยัง โอติณณามหะ
พวกเราทั้งหลาย เป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว - ชาติยา
โดยความเกิด - ชะรามะระเณนะ
โดยความแก่ และความตาย - โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ
โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย - ทุกโขติณณา
เป็นผู้ถูกความทุกข์ หยั่งเอาแล้ว - ทุกขะปะเรตา
เป็นผู้มีความทุกข์ เป็นเบื้องหน้าแล้ว - อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ
ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้
สำหรับพระภิกษุสามเณรสวด - จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง,
เราทั้งหลาย อุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้ไกลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง, แม้ปรินิพพานนานแล้ว พระองค์นั้น, - สัทธา อะคารัสมา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา,
เป็นผู้มีศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว, - ตัสมิง ภะคะวะติ พรัหมะจะริยัง จะรามะ,
ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น, - ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปันนา
ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของภิกษุทั้งหลาย, - ตัง โน พรัหมะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ.
ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น, จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ.
สำหรับฆราวาสสวด - จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณังคะตา
เราทั้งหลายผู้ถึงแล้ว ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ปรินิพานนานแล้ว พระองค์นั้นเป็นสรณะ - ธัมมัญจะ สังฆัญจะ
ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย - ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิ ปัชชามะ
จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตามสติกำลัง - สา สา โน ปะฏิปัตติ
ขอให้ความปฏิบัตินั้นๆ ของเราทั้งหลาย - อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุติฯ
จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุด แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้น เทอญ
กรวดน้ำตอนเช้า (ปัตติทานะคาถา)
(หันทะ มะยัง ปัตติทานะ คาถาโย ภะณามะเส)- ยา เทวะตา สันติ วิหาระวาสินี,
ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง
เทพยาทั้งหลายเหล่าใด มีปกติอยู่ในวิหาร สิงสถิตที่เรือนพระสถูป ที่เรือนโพธิ ในที่นั้น ๆ - ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา
โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล
เทพยดาทั้งหลายเหล่านั้น, เป็นผู้อันเราทั้งหลายบูชาแล้วด้วยธรรมทาน, ขอจงทำซึ่งความสวัสดี ความเจริญในมณฑลวิหารนี้ - เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว
สารามิกา ทานะปะตี อุปาสะกา
พระภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระก็ดี ที่เป็นปานกลางก็ดี ที่เป็นผู้บวชใหม่ก็ดี อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายที่เป็นทานาธิบดีก็ดี, พร้อมด้วยอารามิกชนก็ดี - คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา
สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต
ชนทั้งหลายเหล่าใด ที่เป็นชาวบ้านก็ดี, ที่เป็นชาวต่างประเทศก็ดี, ที่เป็นชาวนิคมก็ดี, ที่เป็นอิสระเป็นใหญ่ก็ดี, ขอชนทั้งหลายเหล่านั้นจงเป็นผู้มีสุขเถิด - ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา
สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นชลาพุชะกำเนิดก็ดี, ที่เป็นอัณฑชะกำเนิดก็ดี, ที่เป็นสังเสทะชะกำเนิดก็ดี, ที่เป็นอุปะปาติกะกำเนิดก็ดี - นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต
สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นได้อาศัยซึ่งธรรมอันประเสริฐ , เป็นนิยานิกธรรม, ประกอบในอันนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากสังสารทุกข์, จงกระทำซึ่งความสิ้นไปพร้อมแห่งทุกข์เถิด - ฐาตุจิรัง สะตัง ธัมโม
ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา
ขอธรรมของสัตบุรุษทั้งหลายจงตั้งอยู่นาน, ขอบุคคลทั้งหลายผู้ทรงไว้ซึ่งธรรม จงดำรงอยู่นาน - สังโฆ โหตุ สะมัคโค วะ
อัตถายะ จะ หิตายะ จะ
ขอพระสงฆ์จงมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน, ในอันทำซึ่งประโยชน์ และสิ่งอันเกื้อกูลเถิด - อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม
สัพเพปิ ธัมมะจาริโน
ขอพระธรรมจงรักษาไว้ซึ่งเราทั้งหลาย, แล้วจงรักษาไว้ซึ่งบุคคลผู้ประพฤติซึ่งธรรมแม้ทั้งปวง - วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ
ธัมเม อะริยัปปะเวทิเต ฯ
ขอเราทั้งหลายพึงถึงพร้อมซึ่งความเจริญในธรรม ที่พระอริยเจ้าประกาศไว้แล้ว ฯ - ปะสันนา โหนตุ สัพเพปิ
ปาณิโน พุทธะสาสะเน
ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง, จงเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา - สัมมา ธารัง ปะเวจฉันโต
กาเล เทโว ปะวัสสะตุ
ขอฝนทั้งหลายจงหลั่งลงตกต้องตามฤดูกาล - วุฑฒิ ภาวายะ สัตตานัง
สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง
ขอฝนจงนำความสำเร็จมาสู่พื้นปฐพี, เพื่อความเจริญแก่สัตว์ทั้งหลาย - มาตา ปิตา จะ อัตระชัง
นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง
มารดา และบิดา ย่อมรักษาบุตร ที่เกิดในตนเป็นนิจ ฉันใด - เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน
ปะชัง รักขันตุ สัพพะทา ฯ
ขอพระราชาจงปกครองประชาชน, โดยชอบธรรมในกาลทุกเมื่อฉันนั้น ตลอดกาล ฯ