
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระภิกษุฝ่ายเถรวาท คณะธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ และวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาสมัยใหม่ ทั้งในฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาสในภาคอีสาน และเป็นผู้สอนธรรมะให้แก่พระเถระองค์สำคัญในธรรมยุติกนิกายหลายรูปรวมถึงพระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่แห่งพระกรรมฐานสายวัดป่าด้วย
ประวัติพระอุบาลีโดยสังเขป
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ มีนามเดิมว่า จันทร์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๙ เมื่ออายุ ๑๓ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร พ.ศ. ๒๔๑๑ ณวัดบ้านหนองไหล และได้อุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๐ ปีฉลู และได้มรณภาพ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ สิริรวมอายุ ๗๕ ปี ๕๕ พรรษาคำสอนพระอุบาลีคุณูปมาจารย์
เนื้อหา "โอวาทคำสอนพระอุบาลีคุณูปมาจารย์" บางส่วนได้คัดลอกมาจากหนังสืออภิมหามงคลธรรม (แจกเป็นธรรมทาน) คำสอนของท่านนับว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม เพื่อหนทางความดับทุกข์ ซึ่งผู้อ่านสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี- เห็นโทษและคุณแห่งความตาย
- ควรพวกเราทั้งหลาย คิดดูให้เห็นโทษและคุณแห่งความตายเสียให้ชัดใจ ผู้มีปัญญาไม่ควรประมาทความตาย ให้เห็นว่าเป็นสมบัติสำหรับตัวเรา เราจะต้องการในกาลอันสมควร คือความตายมาถึงเราสมัยใด สมัยนั้นแหละชื่อว่ากาลอันสมควร ไม่ควรจะเกลียด ไม่ควรจะกลัว
สังขารทั้งหลาย คือสัตว์ที่เกิดมาในไตรภพจะหลีกหลบให้พ้นจากความตาย ไม่มีเลย เมื่อมีความเกิดเป็นเบื้องต้นแล้ว ย่อมมีความตายเป็นเบื้องตายทุกคน นัยหนึ่งให้เอาความเกิดความตาย ซึ่งมีประจำอยู่ทุกวันเป็นเครื่องหมาย
เมื่อพิจารณาถึงความตาย ก็ต้องพิจารณาถึงความป่วยไข้ และความแก่ ความชรา เพราะเป็นเหตุเป็นผลกัน ให้พิจารณาถึงพยาธิ ความป่วยไข้ว่า พยาธิ ธมฺโมมหิ พยาธิ อนตีโต เรามีความป่วยไข้เป็นธรรมดา จะข้ามล่วงพ้นไปจากความป่วยไข้หาได้ไม่ ถ้าแลพิจารณาเห็นความชราอันเป็นปัจจุบันได้ก็ยิ่งประเสริฐ
ความระงับสังขารทั้งหลายนั้น ท่านมิได้หมายถึงความตาย ท่านหมายถึงวิปัสสนาญาณ คือปัญญารู้เท่าสังขาร รู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะเป็นชื่อของ พระนิพพาน เป็นยอดแห่งความสุข
ขอบคุณที่มาของเนื้อหา:
-บางส่วนจากหนังสือ "อภิมหามงคลธรรม" (แจกเป็นธรรมทาน)
-รูปภาพจากหนังสือ "ชีวประวัติและพระธรรมเทศนา พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)"